งดบริการจิตบำบัด ขออภัยด้วยคะ
จิตบำบัด แนวซาเทียร์ Satir model
บริการให้คำปรึกษา – บำบัดรักษา การรักษาแบบจิตบำบัดต้องใช้สมาธิและให้เวลาในการทำความเข้าใจ เปิดเผยความรู้สึก ความในใจ และเปิดรับมุมมองใหม่ๆ จึงต้องใช้เวลามากในการพบแพทย์แต่ละครั้ง
เพื่อความสะดวกในการรักษาและการให้คำปรึกษา เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนะคติ จิตบำบัด ครอบครัวบำบัด
ควรปรึกษาล่วงหน้า เพื่อทำการตกลงและนัดเวลาในการเข้าพบแพทย์
จิตบำบัด ช่วยอย่างไร?
เมื่อคนๆ หนึ่งตัดสินใจมาขอรับการบำบัดนั่นหมายถึงว่าเขาได้ลงมือทำทุกวิถีทางแล้วแต่มันไม่ได้ผล …ทั้งในทางที่ดี เช่น คุยกับเพื่อน ดูหนังฟังเพลง เล่นกีฬา ฝึกทำอาหารหรือ ในทางที่มีโทษ เช่น กินมากขึ้น หรือ ไม่อยากจะกินอะไรเลยหรือ ใช้วิธีหลีกเลี่ยงเอาแต่นอนหลับ หรือ คิดมากเสียจนไม่เป็นอันกินอันนอนหรือ ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ ใช้สารเสพติด คิดทำร้ายตัวเองหรือ ทำกิจกรรมอื่นเพื่อเบียงเบนแต่ความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมานในใจกลับไม่ลดลง…และยังทำให้การดำเนินชีวิตแย่ลง ขาดความสุขอย่างที่ควรจะเป็น
influence
จุดเริ่มต้นของความคิดเราก็มักจะเริ่มมาตั้งแต่ในวัยเด็ก
ส่งผลเรื่อยมาจนหล่อหลอมกลายเป็นกระบวนการคิดการมองโลกผ่านประสบการณ์ร้ายๆของเราในอดีต อาจจะเคยถูกทำร้ายทั้งร่างกาย ทางจิตใจ ด้วยคำพูดและการกระทำ รู้สึกไม่ได้เป็นที่รัก ไม่ได้รับความรักความอบอุ่นถูกมองข้าม ถูกเปรียบเทียบ ปฏิเสธความสามารถถูกทอดทิ้งในช่วงที่เราต้องการใครสักคนเคียงข้างที่สุดจิตสำนึกของเราอาศัยวนเวียนอยู่ในห้วงเวลาในอดีตตอกย้ำแผลในใจให้ลึกยิ่งขึ้นเหมือนซ้ำเติมตัวเองจนความเจ็บปวดทางใจนี้กลืนกินชีวิตเราครอบงำตัวตนของเราจนรู้สึกว่าไม่มีทางแก้ไขไม่มีวันเปลี่ยนแปลงชีวิตได้
จิตบำบัดจะช่วยให้เราได้เข้าใจตนเองอย่างลึกซึ้งด้วยขั้นตอนและเทคนิคที่ใช้ปฏิบัติที่ลึกซึ้ง แยบยลซับซ้อน ละเอียดอ่อน ค่อยเป็นค่อยไปค่อยๆขุดปมปัญหาที่ลึก และใหญ่เหมือนภูเขาน้ำแข็งจนถึงรากลึกของแผลในใจและ ช่วยหาแนวทางการจัดการกับปัญหาและด้วยการเข้าใจตนเองนี้เอง จะช่วยให้เราสามารถที่จะเติมเต็มความต้องการให้กับตนเองได้นอกจากนี้การทำบำบัดยังช่วยให้เราได้สัมผัสและเชื่อมโยงกับข้อดีที่เรามี และศักยภาพที่เรามักจะมองข้ามไปได้เข้าใจความสัมพันธ์กับคนอื่นและมีหนทางในการปรับปรุงความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นนำความสงบสุขให้เกิดขึ้นกับตนเองได้ในที่สุด
ใครเหมาะสมที่จะได้รับการบำบัด?
* คนที่ไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้ว่าทุกข์จากไหนมา สับสนกับชีวิต
* คนที่รู้อยู่เต็มอก ทราบปัญหา แต่ก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไร
* คนที่ไม่รู้ว่าปัญหาคืออะไร แล้วจะเริ่มที่ตรงไหน…
* คนที่ต้องการเพิ่มศักยภาพในตัวเอง เติมพลังให้ตัวเอง แปลงแนวคิดต่างๆที่เป็นลบให้เป็นพลังโดยใช้หลักจิตวิทยา
ปัญหาแบบไหนที่รับการทำจิตบำบัดได้บ้าง?
* ปัญหาความรัก ความสัมพันธุ์
* ซึมเศร้า ผิดหวังจากอดีตที่เลวร้าย
* มีแผลเรื้อรังในใจ
* ไม่มีความพอใจในตัวเอง รู้สึกไร้ค่า ไม่มีใครรัก
* พฤติกรรมวัยรุ่น และครอบครัว
* ไม่รู้จักตัวเอง ต้องการค้นหาตัวเอง
* เกิดการสูญเสีย หรือ เกิดเรื่องกระทบในใจ
* รู้สึกกังวลด้านอารมณ์ การปรับตัว ยอมรับการเปลี่ยนแปลง
* ความผิดปกติในการทานอาหาร มากไป หรือ น้อยไป
* สุขภาพทางเพศ และ HIV
* ติดสารเสพติด
การทำจิตบำบัดต้องใช้สมาธิและให้เวลาในการทำความเข้าใจเปิดเผยความรู้สึก ความในใจ และเปิดรับมุมมองใหม่ๆจึงต้องใช้เวลามากในการพบแพทย์ หรือนักจิตวิทยาในแต่ละครั้งและอาจจะต้องเข้ามารับการทำบำบัดหลายครั้งเพื่อให้เริ่มเปิดใจ เรียนรู้ เข้าถึง และ ยอมรับ นำมาซึ่งความสงบและความสุข
งดบริการจิตบำบัด ขออภัยด้วยคะ
การมีสุขภาพจิตที่ดีถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และยั่งยืนสำหรับการใช้ชีวิต อย่างเป็นสุข ขอนแก่นการแพทย์คลินิกคืออีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการค้นหาและพัฒนาศักยภาพในตัวเอง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มาดูแลและรักษาสุขภาพจิตให้แข็งแรงสมบูรณ์ไปพร้อมกับเรา “การมีสุขภาพจิตดี ชีวีมีสุข”
พญ.สิริกุล ใจเกษมวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำ โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์
เป็นกระบวนการที่ให้การช่วยเหลือบุคคลที่มีปัญหาด้านจิตอารมณ์ ซึ่งปัญหานั้นอาจจะอยู่ในรูปของอาการที่แสดงออกให้เห็นทางกาย หรือแสดงออกทางด้านอารมณ์และพฤติกรรม หรือแสดงออกทางด้านปฏิสัมพันธ์และการอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น การทำจิตบำบัดมีจุดมุ่งหมายเพื่อการเรียนรู้ใหม่ในด้านต่างๆ เช่นการมองปัญหา การเผชิญปัญหา การแก้ปัญหาด้านการอยู่ร่วมกัน โดยมีผู้ให้การบำบัด ( Therapist) และ/หรือ ผู้ช่วยให้การบำบัด ( Co-Therapist) ที่ได้รับการเรียนรู้และการฝึกหัดในด้านการทำจิตบำบัดจากสถาบันวิชาชีพที่มีการรับรองแล้ว เป็นผู้ดำเนินการให้การบำบัด โดยมีจุดมุ่งหมายสุดท้ายคือ ผู้มีปัญหามีการปรับเปลี่ยนความคิดความเชื่อ เจตคติ การรับรู้เหตุการณ์ และพฤติกรรม มีสุขภาพจิตดีขึ้น มีวุฒิภาวะทางอารมณ์สูงขึ้น อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสงบสุข
จิตบำบัดระดับลึก (Genetic-dynamic Therapy / Deep Psycho-therapy) เป็นการทำจิตบำบัดในเชิงลึก เน้นการเปลี่ยนบุคลิกภาพระยะยาวในผู้ป่วยโดยการสืบค้นปัญหา ความคับข้องใจ ความวิตกกังวล ในจิตใต้สำนึก (preconscious) และจิตไร้สำนึก (unconscious) ของผู้ป่วยซึ่งกดเก็บไว้ การทำจิตบำบัดมี 2 แบบคือ
1) จิตวิเคราะห์ (Psychoanalysis) ตามแนวคิดของซิกมันด์ ฟรอยด์ ซึ่งใช้วิธีการ
– Free-association เน้นการปล่อยให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกอิสระสบาย และผ่อนคลาย เพื่อให้ผู้ป่วยเล่าเหตุการณ์ที่เป็นปัญหา และความทุกข์ออกมา
– Dream interpretation เน้นการให้ผู้ป่วยเล่าความฝัน และผู้รักษาดีความจากความฝัน
– Transference เน้นการโอนถ่ายความรู้สึกไปยังบุคคลอื่น
2) จิตบำบัดแบบ Distributive-Synthesis ตามแนวคิดของ Adof Meyer วิธีการนี้ Adof Meyer เน้นวิธีการให้ผู้ป่วยเล่าประสบการณ์ในอดีต และผู้รักษาวิเคราะห์สถานการณ์ และสาเหตุ และร่วมกันหาทางแก้ไขต่อไป
จิตบำบัดระดับต้น (Superficial Psychotherapy) เน้นการบำบัดเบื้องต้น 3 ลักษณะ คือ
– จิตบำบัดแบบประคับประคอง (Supportive psychotherapy) เน้นการพูดคุยและบำบัดช่วยเหลือประคับประคองเบื้องต้น
– จิตบำบัดเน้นการระบายปัญหา (Superficial expressive psycho-therapy) เน้นการระบายปัญหา ความทุกข์ ความคับข้องใจ
– จิตบำบัดเน้นการกดเก็บ (Suppressive psychotherapy) เน้นการให้ข้อเสนอแนะ เพื่อลดภาวะเครียด ความวิตกกังวล และปัญหาที่ไม่ลึก
ลักษณะของการทำจิตบำบัด ลักษณะของการทำจิตบำบัด แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ
– จิตบำบัดรายบุคคล
– จิตบำบัดกลุ่ม
จิตบำบัดรายบุคคล
จิตบำบัดรายบุคคล (Individual Psychotherapy) ความหมาย จิตบำบัดรายบุคคล เป็นการรักษาทางจิตชนิดหนึ่ง ด้วยการที่ผู้บำบัดรักษาพูดคุยกับผู้ป่วยเป็นรายบุคคล ผู้บำบัดรักษา วิเคราะห์สภาพปัญหา หาสาเหตุของปัญหาและร่วมกันในการแก้ไขสิ่งที่เป็นปัญหา หรือความทุกข์ ความคับข้องใจของผู้ป่วย โดยผู้บำบัดใช้ทฤษฎี หลายทฤษฎี เช่น
– ทฤษฏีจิตวิเคราะห์ (Psychoanalysis) เช่น Free-association, Dream interpretation, Transference
– ทฤษฎีกลุ่มมนุษยนิยม (Humanistic) เช่น Client-centered, Existen-tialism, Gestalt Therapy, Reality Therapy, Rational emotive Therapy
– ทฤษฎีกลุ่มพฤติกรรมนิยม (Behaviorism) การใช้การเสริมแรง การลงโทษ และการใช้แบบอย่าง
กระบวนการในการทำจิตบำบัดรายบุคคล กระบวนการในการทำจิตบำบัดรายบุคคล เน้น 3 ระยะดังนี้
ระยะแรก เน้นการสร้างสัมพันธภาพ การรับฟังปัญหา การแสดงความเห็นใจและรับความรู้สึก
ระยะที่ 2 เป็นระยะการโอนถ่ายความรู้สึกสู่ผู้รักษา พัฒนาการตระหนักรู้ในปัญหา การสนับสนุน ประคับประคอง การตีความ การสอน การให้กำลังใจ การจัดการกับสิ่งแวดล้อม
ระยะสิ้นสุด เป็นการเตรียมสิ้นสุดสัมพันธภาพ
องค์ประกอบที่สำคัญของการทำจิตบำบัด การทำจิตบำบัดที่มีประสิทธิภาพควรพิจารณาถึงหลักการต่อไปนี้
– ความรู้ความสามารถของผู้บำบัด ต้องผ่านการเรียนและฝึกฝนด้านการทำจิตบำบัดมาโดยตรง
– บุคลิกภาพและนิสัยของผู้บำบัด ต้องมีความพร้อม มีความรู้ ความเข้าใจ ยอมรับ และพัฒนาตนเอง ในการทำจิตบำบัดเป็นอย่างดี
– ผู้บำบัดและผู้รับการบำบัด มีแรงจูงใจ ในการทำจิตบำบัด เชื่อและศรัทธาในตนเองและผู้บำบัด
– มีความสามารถในการพูด ถ่ายเทความรู้สึก
จิตบำบัดมีกี่ประเภท อะไรบ้าง และมีความแตกต่างกันอย่างไร
ทุกวันนี้นักจิตบำบัดส่วนใหญ่ไม่ได้ยืดวิธีการรักษาที่ตายตัวเพียงวิธีเดียว หากแต่นำหลายๆวิธีมาปรับใช้ให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละราย อย่างไรก็ตาม นักจิตบำบัดส่วนใหญ่จะผ่านการอบรมขั้นพื้นฐานและฝึกความชำนาญในการรักษาด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ ดังนั้นก่อนที่คุณจะตัดสินใจเข้ารับการรักษากับนักจิตบำบัดควรซักถามให้แน่ใจก่อนว่าคุณเห็นด้วยกับหลักการในการรักษาของเขา และวิธีการบำบัดของเขาเป็นอย่างที่คุณต้องการ
พฤติกรรมบำบัด (behavioural therapy)
นักพฤติกรรมบำบัดจะมุ่งเปลี่ยนแปลงหรือกำจัดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ เช่น อาการของโรคหวาดกลัว(phobia) หรือการติดยาเสพติดพฤติกรรมบำบัดนี้เป็นวิธีการรักษาในระยะสั้นและแก้ปัญหาแบบเฉพาะเจาะจง รวมทั้งมีการตั้งเป้าหมายชัดเจนที่สามารถวัดผลได้ วิธีนี้ไม่เหมาะที่จะใช้วิเคราะห์ปัญหาชีวิตในระดับลึก
การให้คำปรึกษา (counseling)
การให้คำปรึกษามีจุดมุ่งหมาย เพื่อช่วยให้คนทำใจยอมรับวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต หรือสามารถปรับปรุงชีวิตและความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น การให้คำปรึกษาเป็นการให้ความช่วยเหลือในระยะสั้นและมีเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง อย่างเช่น การให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่ทุกข์โศกจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก การให้คำแนะนำแก่คู่สมรสที่มีปัญหา หรือการแนะแนวอาชีพ
การบำบัดด้านการรู้คิด (cognitive therapy)
เน้นการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด ซึ่งเป็นตัวกำหนดความรู้สึกและพฤติกรรมบางอย่าง การบำบัดด้วยวิธีนี้จะกระทำอย่างรวบรัด ใช้ระยะเวลาสั้นๆและมุ่งที่ปัญหาโดยตรง เช่น อาการซึมเศร้าและอาการหวั่นไหวเกินเหตุต่อคำวิจารณ์
การบำบัดแนวมนุษยนิมยมหรืออัตถิภาวนิยม (humanistic or existential therapy)
วิธีการของนักบำบัดเหล่านี้แตกต่างกันอย่างมาก แต่มีจุดหมายที่เหมือนกันคือพยายามช่วยให้ผู้ป่วยรับผิดชอบต่อชีวิตของตนเองและตระหนักถึงความสามารถของคนที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม การบำบัดอาจใช้ระยะเวลาสั้นๆหรือระยะยาว ขึ้นอยู่กับความจำเป็นและจุดประสงค์ของผู้มารับการบำบัด
จิตวิเคราะห์ (psychoanalysis)
นักจิตบำบัดจะวิเคราะห์อดีตของผู้ป่วยอย่างละเอียดลึกซึ้ง เพื่อช่วยให้เขาเข้าใจถึงแรงผลักดันและความปรารถนาภายในที่ซ่อนเร้นอยู่ ปัจจัยสำคัญของการรักษาด้วยวิธีนี้อยู่ที่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักจิตบำบัดกับคนไข้ การบำบัดอาจใช้เวลานานเป็นปี วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการค้นพบตนเองหรือมีปัญหาด้านบุคลิกภาพ